ตำรวจ ปทส.ร่วม กรมควบคุมมลพิษ-กรมโรงงานฯ บุกค้นโรงงานรีไซเคิลเถื่อน หลังมีสารเคมีระเหยออกมา

วันที่ 5 ก.ย.67 พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) สั่งการ พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รองผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ต.อ.วิญญู แจ่มใส ผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ต.ท.ปกรษณ์เกียรติ พงษ์ธนนิกร รองผู้กำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พ.ต.ต.นัธทวัฒน์ สุรนารถ สารวัตรกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร.ต.ท.ปิยะกมล แสงอร่าม รองสารวัตรสอบสวนกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่กรมควบคุมมลพิษ และเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี นำหมายค้นของจังหวัดปราจีนบุรี ที่ 107/2567 เข้าค้น 4โกดัง โรงงานรีไซเคิล หมู่ที่ 10 ตำบลศรีมหาโพธิ อ.ศรีมาหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี หลังมีชาวบ้านร้องเรียนลักลอบเปิดโรงงานรีไซเคิลเถื่อน

สืบเนื่องจากเมื่อต้นเดือนมีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่ตำรวจกองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้รับแจ้งจาดประชาชนว่า โรงงานที่สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดปราจีนบุรี จึงได้มีสั่งตามมาตรา 37 ให้ปิดโรงงาน หลังมีควันหรือสารเคมีระเหยออกมาทำให้ประชาชนในละแวกบ้านหนองหอย หมู่10 อำเภอศรีมหาโพธิ จังหวัดปราจีนบุรีได้รับความเดือดร้อน ยังมีการลักลอบดำเนินกิจการอยู่ จึงลงพื้นที่สืบสวนพบว่ายังมีการลักลอบประกอบกิจการโรงงานอยู่ จึงรวบรวมพยานเอกสารขอหมายค้นต่อศาลจังหวัดปราจีนบุรีเข้าตรวจค้นโกดังดังกล่าว

เมื่อไปถึงปรากฏ ไม่พบผู้รับเป็นเจ้าของโรงงาน และไม่พบคนงาน จึงได้เชิญตัวแทนบริษัทนำตรวจค้นผลการตรวจค้นพบ พบกองเศษวัสดุประเภทโลหะ พลาสติก และวัสดุกากตะกอนที่ถูกคัดแยกเป็นกองโดยมีป้ายกำกับอยู่ภายในโรงงาน และพบเศษวัสดุที่อยู่ในถุงบิ๊กแบ็ก, เครื่องจักรที่ใช้ในการคัดแยก, หม้อแปลง ยี่ห้อ Thaipat รถโฟล์คลิฟท์ จำนวน 7 คัน, เครื่องคัดขนาด, เครื่องบดล้างพลาสติก, เครื่องบดย่อย, เครื่องอัดโลหะ จำนวนมาก

ซึ่งการฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าว มีบทลงโทษตามมาตรา 57 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และให้ปรับอีกวันละไม่เกินห้าพันบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติให้ถูกต้อง
ในส่วนของกลางที่ตรวจพบ เจ้าหน้าที่ได้มีการยึดอายัดวัตถุดิบ ผลิตภัณฑ์ เครื่องจักร และเอกสาร ไว้เพื่อตรวจสอบ จะได้รวบรวมพยานหลักฐานนำมาแจ้งความร้องทุกข์ดำเนินคดีที่ กองกำกับการ 2 กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อนำตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

Advertisement