ตำรวจแจงกรณีประจัญหน้าม็อบแยกยมราช เหตุมวลชนบางส่วนพยายามรื้อรั้วลวดหนาม ยิงพลุ ลูกแก้วใส่

 

เมื่อเวลา 19.30 น. วันที่ 25 ก.ย.64 ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. เปิดเผยว่า กรณีที่มีการนัดหมายชุมนุมผ่านช่องทางออนไลน์ ในวันนี้ในพื้นที่กรุงเทพมหานครของกลุ่มต่างๆ มีการรวมกลุ่มจัดกิจกรรมดังนี้ เวลา 16.00 น. กลุ่มทะลุฟ้า เริ่มรวมตัวกันที่บริเวณแยกยมราช มีการปิด การจราจร พ่นสีบนถนน เวลา 17.15 น. เคลื่อนขบวนมาถึงบริเวณแยกนางเลิ้ง มีการขว้างปาสิ่งของต่างๆ ถุงบรรจุสีแดง ใส่พื้นที่ถนนหน้าแนวรั้วลวดหนาม บริเวณดังกล่าว เวลา 17.20 น. เจ้าหน้าที่ประกาศแจ้งเตือนให้กลุ่มดังกล่าวยุติการกระทำและออกจากพื้นที่ดังกล่าว เนื่องจากเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย และขอให้นักข่าวอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย แต่กลุ่มผู้ชุมนุมไม่ยอมเชื่อฟัง ยังคงรวมตัวขว้างปาสิ่งของ ยิงหนังสติ๊ก ลูกแก้ว ประทัด พลุไฟ ระเบิดต่างๆ เป็นระยะๆ และพยายามรื้อรั้วลวดหนามออก เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลุกลามบานปลาย เวลา 18.00 – 18.30 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าบังคับใช้กฎหมายและผลักดันกลุ่มฯ ออกจากพื้นที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองการกระทาของกลุ่มผู้ชุมนุมดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดฐานมั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไป ก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ (ป.อาญา ม.215) ,เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้ผู้ที่มั่ว สุมเลิกแล้วไม่เลิก (ม.216) ,ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ,พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ ,พ.ร.บ.จราจรทางบกฯ และความสะอาดฯ
จนกระทั่งเวลา 17.30 น. กลุ่มก่อความวุ่นวายชื่อทะลุแก๊สเริ่มรวมตัวที่แยกดินแดงมีการยั่วยุเจ้าหน้าที่ตารวจด้วยการขว้างปาสิ่งของต่างๆ เวลา 18.30 น. การเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศให้กลุ่มยุติการกระทกดังกล่าว เนื่องจากเป็นความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่กลุ่มดังกล่าวไม่ยอมยุติกิจกรรมยังคงรวมตัวมั่วสุมวางเพลิงเผาทรัพย์สินใต้ทางด่วน ขว้างปาประทัด พลุไฟ ระเบิดต่างๆ ใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นระยะๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงประกาศแจ้งเตือนกลุ่ม ผู้ชุมนุมอีกครั้ง เวลา 19.10 น. จึงเข้าบังคับใช้กฎหมายและผลักดันให้กลุ่มผู้ชุมนุมออกจาก บริเวณดังกล่าวเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของบ้านเมืองต่อไป ซึ่งขณะนี้สามารถจับกุม ผู้ต้องหาได้จำนวน 18 คน ยึดรถจักรยานยนต์ได้ 31 คัน ในข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ, มั่วสุมกันตั้งแต่สิบคนขึ้นไปก่อนความวุ่นวายในบ้านเมืองฯ ,เจ้าพนักงานสั่งให้ผู้ที่มั่วสุม เลิกไปแล้วไม่เลิกฯ ซึ่งถึงขณะนี้ได้มีการยึดรถของกลางมาดาเนินคดีแล้วกว่า 170 คัน รองผบช.น. กล่าว
Advertisement