(4 ส.ค.) ที่ สโมสรตำรวจ พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยว่า ป้องกันปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปน.ตร.) ได้รับแจ้งจากผู้เสียหายจากหนี้นอกระบบหลายรูปแบบ จึงได้สั่งการให้ชุดปฏิบัติการสืบสวนส่วนกลางสืบสวนหาเครือข่ายผู้กระทำความผิด โดย ศปน.ตร.ชุดที่ 1 ได้รวบรวมพยานหลักฐานเกี่ยวกับแอปพลิเคชั่นเงินให้กู้ผิดกฎหมาย ชื่อ “กู้ให้ดีดี” มีระยะเวลาการกู้เงินเจ็ดวันโดยคิดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 40 ต่อ 7 วัน โดยต้องชำระคืนเต็มจำนวน หรือคิดเป็นอัตราดอกเบี้ยสูงถึงร้อยละ 2,085 ต่อปี หากไม่สามารถชำระคืนได้จะถูกโทรศัพท์ข่มขู่ และโพสต์ภาพประจานในโซเชียลมีเดีย
โดยจากการตรวจสอบพบว่าเครือข่ายดังกล่าวมีเส้นทางการเงิน 3 กลุ่มคือ 1. กลุ่มบัญชีโอนเงินให้ผู้กู้ ใช้บัญชีม้าในการโอนเงินเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบ 2. กลุ่มเจ้าของบัญชีสำหรับรับโอนชำระเงินต้นหรือดอกเบี้ย และ 3. กลุ่มเจ้าของบัญชีสำหรับพัก ยักย้าย หรือรวบรวมทรัพย์สิน เชื่อว่าเป็นกลุ่มบัญชีนายทุนเงินกู้ และผู้รับผลประโยชน์จากดอกเบี้ยเงินกู้ ซึ่งเครือข่ายดังกล่าวมีเงินหมุนเวียนประมาณ 160 ล้านบาท จึงได้ขออนุมัติศาลจังหวัดสมุทรปราการออกหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวน 14 ราย ในข้อหาร่วมกันให้บุคคลอื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงิน โดยเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันเป็นผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมได้ปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 9 จุดในพื้นที่ 3 จังหวัด คือ กรุงเทพมหานคร นนทบุรี และเชียงรายสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ทั้งหมด 9 ราย หลบหนี 5 ราย และนพตัวส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรบางแก้วจังหวัด จ.สมุทรปราการเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ ชุด ศปน.ตร. ชุดที่ 2 ยังได้จับกุมเครือข่ายรับจำนำรถของเสี่ยไอซ์ ซึ่งมีเงินหมุนเวียนประมาณ 100 ล้านบาท โดยได้จับกุมนายณัฐพงษ์ หรือโจ้ อายุ 36 ปี ในบ้านพักพื้นที่ตำบลบางละมุง อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี แจ้งข้อหาประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้ขออนุญาต และจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมตรวจยึดจำนวน 108 รายการ จากนั้นได้ขยายผลออกหมายจับผู้ร่วมขบวนการอีก 2 ราย คือ นายกฤตภาส และนายฐณะวัฒน์ หรือ เสี่ยไอซ์ (เจ้าของเครือข่าย) ในความผิดฐานร่วมกันประกอบธุรกิจให้สินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันให้กู้ยืมเงินโดยคิดดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด และร่วมกันจัดตั้งโรงรับจำนำโดยไม่ได้รับอนุญาต พร้อมปิดล้อมตรวจค้นเป้าหมายจำนวน 14 จุด ในพื้นที่ 4 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง พิษณุโลก และกาญจนบุรี สามารถจับกุมผู้ต้องหาในเครือข่ายธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลได้อีก 7 ราย ตรวจยึดของกลาง อาทิ รถยนต์ รถจักรยานยนต์ สมุดบัญชีเงินฝาก อาวุธปืนอีกกว่า 80 รายการ
พลตำรวจเอกสุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปฏิบัติการครั้งนี้ เป็นการปราบปรามแก๊งกลุ่มเงินกู้นอกระบบผิดกฎหมาย และตัดวงจรกลุ่มบัญชีม้า รวมถึงแก๊งรับจำนำรถ ซึ่งเป็นต้นทางของหนี้นอกระบบและการก่ออาชญากรรมในหลากหลายรูปแบบ ทั้งยังพบว่าคนร้ายได้แปลงเงินให้เป็นเงินสกุลดิจิทัลเพื่อให้ยากต่อการติดตาม โดยหลังจากนี้จะสืบสวนขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้อง และปราบปรามกลุ่มผู้กระทำผิดกฎหมายเหล่านี้ต่อไป
Advertisement