ตำรวจพร้อมรับมือนัดชุมนุมขับไล่รัฐบาลในวันครบรอบ 89 ปี อภิวัฒน์สยาม 2475

 

           เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 64 พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษกบช.น.เปิดเผยการจัดการเตรียมความพร้อมดูแลหลังมีการนัดชุมนุมในวันที่ 24 มิถุนายน ซึ่งเป็นวันเปลี่ยนแปลงการปกครองครบ 89 ปีนี้ว่ามีกลุ่มต่างๆ ประกาศรวมตัวกัน โดยกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ประกาศตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน ได้แก่ 1. กลุ่มหมู่บ้านทะลุฟ้า นำโดยนายชาติชาย ไพลิน ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลาฯ เพื่อจัดกิจกรรมรำลึกเหตุการอภิวัฒน์ สยาม 2475 เวลา 13.00 น.  2. กลุ่มประชาชนคนไทย นิธิธร ล้ำเหลือ ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล เพื่อกดดันให้นายกรัฐมนตรีลาออก เวลา 12.00 น. 3. กลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี นำโดยนายเจษฎา ศรีปรั่ง ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 11.00 น. 4. กลุ่มคนไทยไม่ทน คณะสามัคคีประชาชนเพื่อประเทศไทย นำโดยนายจตุพร พรหมพันธุ์ หน้าทำเนียบรัฐบาล
         พล.ต.ต.ปิยะ เปิดเผยต่อว่า ทาง บช.น. ยืนยันว่า กทม.เป็นพื้นที่ประกาศ ห้ามชุมนุม ทำกิจกรรม มั่วสุม กระทำการเกิดการยุยงในพื้นที่ กทม. ตาม ม.9 พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หากฝ่าฝืนจะมีความผิด ส่วนผู้ชักชวนก็จะมีความผิดสนับสนุน กรณีจัดเวทีมีความผิดฐานผู้ให้การสนับสนุน ต้องรับโทษตามกฎหมาย เนื่องจากการแพร่ระบาดโรคเพิ่มขึ้นสูง มีความเสี่ยงแพร่ระบาดเชื่อโรคดังกล่าว ขอผู้ร่วมชุมนุมงดเว้นการจัดกิจกรรมและงดเว้นการชุมนุมโดยเด็ดขาด
          เมื่อถามว่ามีการขออนุญาตชุมนุมหรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า การดำเนินการแจ้งหรือการชุมนุมไม่สามารถทำได้ตามกฎหมาย ส่วนการเตรียมวางกำลัง ได้ประชุมเจ้าหน้าที่ตำรวจในส่วนที่เกี่ยวข้องแล้ว ส่วนมาตรการช่วงโควิดนั้น อยากวิงวอนผู้ชุมนุมที่มาชุมนุมนั้นขอให้เห็นแก่บ้านเมือง ขอให้สถานการณ์โควิดผ่านไปก่อนดีกว่า ส่วนจุดที่เฝ้าระวังเป็นพิเศษ คือจุดที่เป็นสัญลักษณ์สำคัญ โบราณสถาน เพราะหากเสียหายไม่อาจซ่อมแซมได้ ส่วนการข่าวขณะนี้ยังไม่มีความรุนแรงแต่อย่างใด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจเตรียมความพร้อมไว้แล้วในการดูแลการชุมนุมทุกสถานการณ์
          ด้าน พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. กล่าวว่า สำหรับสถิติการดำเนินคดีที่ออกมาเคลื่อนไหวนั้น ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมปีก่อน ดำเนินคดี 150 คดี ผู้ต้องหา 150 คน ดำเนินคดีตามพยานหลักฐานตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ ทั้งนี้ผู้มาชุมนุมออกมาชุมนุมช่วงใดช่วงหนึ่ง ตำรวจต้องรวบรวมพยานหลักฐานดำเนินคดีตามขั้นตอน โดยเฉพาะผู้ยุยงปลุกปั่นในโลกโซเชียลมีเดียก็ต้องถูกดำเนินคดี ส่วนกรณีการคลายล็อกให้ตำรวจปฏิบัติหน้าที่เข้มแข็งจริงจัง อาทิ ร้านอาหารบางร้านแอบจำหน่ายสุรา ต้องร่วมปฏิบัติหน้าที่จับกุม ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามนโยบายรัฐบาล ศบค. ป้องกันการแพร่ระบาด ขอให้สถานประกอบการอดทนรอสถานการณ์คลี่คลาย
Advertisement