ตำรวจป่าไม้ สกัดจับขบวนการลักลอบขนเกล็ดลิ่น ยึดของกลางหนักนับตัน

        เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 17 ส.ค. ที่ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) พ.ต.อ.อริยพล สินสอน พ.ต.อ.อรุณ วชิรศรีสุกัญยา รอง ผบก.ปทส.พ.ต.อ.ธณัชชนม์ เก่งกสิกิจ ผกก.3 บก.ปทส., พ.ต.อ.ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผกก 5 บก.ปทส., พ.ต.อ.วันพิชิต วัฒนศักดิ์มณฑา ผกก.6 บก.ปทส. ร่วมกันแถลงผลจับกุมขบวนการลักลอบขนเกร็ดตัวลิ่นข้ามชาติ โดยสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 คนคือ นายธนากร อายุ 34 ปี และ นายรุ่ง อายุ 50 ปี พร้อมของกลางเกร็ดตัวลิ่น น้ำหนักรวมกว่า 1,400 กิโลกรัม พร้อมรถบรรทุก 6 ล้อ 1 คัน รวมมูลค่าของกลางกว่า 50 ล้านบาท หลังจับกุมได้ในพื้นที่ ต.สมสะอาด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์

         พ.ต.อ.อริยพล กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่ผ่านมามีการลักลอบค้าสัตว์ป่าผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งยังมีรูปแบบการกระทำความผิดเป็นขบวนการ จึงจัดกำลังลงพื้นที่สืบหาเบาะแสร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จนกระทั่งทราบว่าจะมีการลักลอบขนเกร็ดตัวลิ่นหรือตัวนิ่มล็อตใหญ่จากพื้นที่ภาคใต้ไปยังชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือเพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 โดยใช้รถบรรทุกเป็นยานพาหนะ จึงประสานข้อมูลร่วมกับตำรวจทางหลวงเพื่อเฝ้าสังเกตการณ์ตามเส้นทางต่างๆ

         พ.ต.อ.อรุณ กล่าวว่า กระทั่งเมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่ผ่านมาได้พบรถต้องสงสัยขับผ่านมาบริเวณทางหลวงหมายเลข 2046 ช่วงกิโลเมตรที่ 50 ถึง 51 ต.สมสะอาด อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ โดยมีรถนำหรือสเก๊าหน้า คอยขับดูลาดเลา เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจขับรถไล่ติดตามก่อนส่งสัญญาณขอเข้าตรวจสอบ ก่อนพบภายในรถมีเกร็ดตัวลิ่นบรรจุอยู่ในกระสอบปุ๋ย จำนวน 42 ถุง น้ำหนักรวม 1,400 กิโลกรัม โดยมีการวางเกล็ดตัวลิ่นไว้ที่ชั้นล่างส่วนบริเวณชั้นบนจะวางกระสอบดินทางการเกษตรทับปกปิดสายตาไว้ จึงทำการควบคุมตัวนายธนากร และนายรุ่ง คนขับ พร้อมตรวจยึดเกล็ดตัวลิ่นทั้งหมดไว้เป็นของกลาง

        “จากการสอบปากคำ ทั้งสองยอมรับว่า ได้รับการว่าจ้างเป็นเงินจำนวนหนึ่งให้ไปรับสินค้ามาจากบริเวณริมถนนใน จ.ราชบุรี แล้วนำไปส่งให้กับกลุ่มผู้ว่าจ้างซึ่งจะรอรับอยู่ที่ จ.มุกดาหาร ซึ่งตำรวจทางหลวงมีข้อมูลของกลุ่มขบวนการเดิมที่เคยทำการสืบสวนสอบสวนไว้ในระดับหนึ่งโดยจะนำข้อมูลจากพยานหลักฐานที่ได้ไปตรวจสอบว่าเกี่ยวพันกับกลุ่มเครือข่ายเดิมหรือไม่ เชื่อว่าขบวนการดังกล่าวได้ทำการชำแหละและถอดเกล็ดจากประเทศในภาคใต้ และขนส่งเข้ามาในประเทศไทยเพื่อเป็นทางผ่านไปยังประเทศทางตอนเหนือของไทย ซึ่งการจับกุมครั้งนี้ถือว่าเป็นการจับกุมเกร็ดตัวลิ่นครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 10 ปี ทั้งนี้สำหรับผู้ต้องหาทั้งสองราย เบื้องต้นได้แจ้งข้อหาร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ. สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า 2562 ก่อนส่งตัวพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปทส. ดำเนินการตามกฎหมาย”

         พ.ต.อ.อรุณ กล่าวต่อว่า สำหรับการประเมินมูลค่าความเสียหายของเกร็ดตัวลิ่นของกลางที่สามารถตรวจยึดได้หากสามารถส่งออกไปยังประเทศที่ 3 ราคาจะสูงขึ้นไปอีกหลายเท่าตัวเบื้องต้นราคาในตลาดมืดขณะนี้อยู่ที่กิโลกรัมละ 40,000 บาท โดยเกร็ดตัวลิ่นเป็นซากสัตว์ป่าคุ้มครองของประเทศไทยเป็นสัตว์ป่าในบัญชีที่ 1 ตามอนุสัญญาไซเตสโดยประเทศไทยเป็นสมาชิกลำดับที่ 80 ที่ลงนามรับรองในอนุสัญญานี้ ซึ่งข้อมูลตามสภาพแวดล้อมพบว่า ตัวลิ่นหรือตัวนิ่มพันธุ์มลายูเป็นสัตว์ป่าในบัญชีหมายเลข 1 ที่ประเทศไทยต้องปฏิบัติตามอนุสัญญาดังกล่าวคือห้ามส่งออก นำเข้าหรือครอบครอง เว้นแต่เป็นกรณีของการศึกษาวิจัย โดยผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบพบว่าเกร็ดตัวลิ้นที่พบน่าจะถูกฆ่าเพื่อให้ได้เกร็ดในล็อตนี้ประมาณ 3,000-4,000 ตัว โดยเกล็ดลิ่น 1 กิโลกรัมจะเท่ากับลิ่มตัวโตเต็มวัย 3 ตัว เพื่อนำเอาเนื้อไปเป็นส่วนประกอบของอาหาร และนำเกล็ดไปเป็นส่วนประกอบหนึ่งของยาอายุวัฒนะและยาโด๊ป ในประเทศมหาอำนาจของย่านเอเชีย ซึ่งส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศวิทยาเป็นอย่างมาก

        ทั้งนี้จากข้อมูลการข่าวของกรมอุทยานพบว่าในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19 การขนส่งและความต้องการตัวลิ่นลดน้อยลง แต่ปัจจุบันมีความต้องการเพิ่มสูงขึ้นจึงเกิดการลักลอบขนส่งล็อตใหญ่ขนาดนี้เกิดขึ้นและมีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆทั้งการลักลอบขนส่งแบบยังมีชีวิตหรือการชำแหละเอาเนื้อหรือเกร็ดเพียงอย่างเดียว
Advertisement