กรณีคณะกรรมการวัดบวรนิเวศราชวรวิหาร ตรวจสอบพบว่า นายอภิรัตน์ หรือเนย ชยางกูร ณ อยุธยา อดีตเจ้าหน้าที่บริการโครงการพิเศษ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ คนสนิทสมเด็จพระวันรัต (จุนท์ พฺรหฺมคุตฺโต) ที่เพิ่งมรณภาพเมื่อวันที่ 15 มี.ค. ยักยอกเงินวัดบวรนิเวศฯ และวัดสาขาไปกว่า 190 ล้านบาท ตำรวจกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) เข้าสืบสวนดำเนินคดี 4 ข้อหา พร้อมอายัดทรัพย์สิน ทั้งเงินในบัญชีธนาคาร อสังหาริมทรัพย์ และรถหรู ฯลฯ ไว้ตรวจสอบ ขยายผลตรวจสอบการทุจริตวัดสาขาเพิ่มเติมตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 6 เมษายน 2565 พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. เดินทางมายังโรงเรียนคิรีวิหาร (สมเด็จพระวันรัต อุปถัมภ์) ต.ชำราก อ.เมือง จ.ตราด ซึ่งเป็นอีก 1 สาขา ที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามได้ทำการสอบสวนนายเนย ถึงเส้นทางการเงินที่มีการเบิกมาสร้างโรงเรียนคิรีวิหารฯ ที่หายไปจำนวน 12 ล้านบาท ที่ถูกยักยอกหายไป โดย พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ รอง ผบก.ป. ได้เดินทางมาพบกับ นางสาวธิดา เมฆวะทัต ผู้อำนวยการโรงเรียนคิรีวิหารฯ และได้ทำการพูดคุยนานกว่าครึ่งชั่วโมง ก่อนจะออกเดินตรวจอาคารและสถานที่ที่ยังมีการก่อสร้างภายในโรงเรียนที่ยังไม่แล้วเสร็จ
พ.ต.อ.เอนก เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า วันนี้ที่ได้ลงมายังโรงเรียนคิรีหารฯ และได้พูดคุยกับทางผู้อำนวยการโรงเรียนถึงการเบิกจ่ายเงินทำการก่อสร้าง ซึ่งจากการตรวจสอบในเบื้องต้นทางโรงเรียนเองไม่ได้รับเงินจำนวน 12 ล้านบาทที่หายไปแต่อย่างใด โดยคนใกล้ชิดของสมเด็จพระวันรัตเป็นผู้ดูแลเงินจำนวนนี้ทั้งหมด ทั้งเรื่องการก่อสร้าง คนงานทั้งหมด ซึ่งโรงเรียนไม่ได้เกี่ยวข้อง เป็นเพียงแค่ออกสถานที่เท่านั้น ส่วนกรณีเส้นทางการเงินของผู้รับเหมา ต้องดูเส้นทางการเงินจากคนที่เบิกเงินในบัญชีแล้วนำไปไหนต่อ หากมีการโอนเงินไปยังเส้นทางที่น่าสงสัยก็จะต้องเรียกสอบทุกคนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับในส่วนของจังหวัดตราด มีเพียง 2 สาขา ที่เกี่ยวข้องกับโครงการของสมเด็จพระวันรัต คือ วัดรัตนาราม พื้นที่ อ.บ่อไร่ และ โรงเรียนคิรีวิหาร (สมเด็จวันรัต อุปถัมภ์) พื้นที่ ต.ชำราก อ.เมือง ที่มีการยักยอกเงินในบัญชีที่หายไป โดยตำรวจกองปราบปรามยังคงเดินทางตรวจสอบเส้นทางการเงินต่อไป แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าตอนนี้นอกจากนายเนยแล้วจะมีคนอื่นร่วมด้วยหรือไม่ ซึ่งยังคงอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ.
Advertisement