ตร.นำส่งตัวธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ พร้อมความเห็นสั่งฟ้องให้อัยการคดี ม.116 นัดฟังคำสั่ง 13 กรกฎา

        วันที่ 11 พฤษภาคม 64 ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถนนรัชดาพิเศษ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าพร้อมด้วยนายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า และ น.ส.พรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เดินทางมารายงานตัวกับพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ตามที่พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนคดีพร้อมความเห็นสมควรฟ้องส่งให้พนักงานอัยการ โดยคดีนี้นายสุวิทย์ ทองประเสริฐ อดีตพระพุทธอิสระ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษต่อทั้ง 3 ว่า กระทำผิดกฎหมายมาตรา 116
           โดยนายปิยบุตร กล่าวว่า คดีนี้เมื่อปลายเดือนตุลาคม 2563 อดีตพระพุทธอิสระ ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษว่าพวกตนทั้งสามกระทำผิดมาตรา 116 วันนี้พนักงานสอบสวน สน.พญาไท มีความเห็นสั่งฟ้อง จะนำตัวพวกเราส่งให้พนักงานอัยการดำเนินการต่อไป ซึ่งเมื่อ 5 พฤศจิกายน 2563 พวกเราได้เดินทางไป สน.พญาไทตามหมายเรียกเพื่อรับทราบข้อกล่าวหา วันดังกล่าวพนักงานสอบสวนได้นำบันทึกข้อกล่าวหา บันทึกการแจ้งความของนายสุวิทย์ และบันทึกข้อกล่าวหาของพนักงานสอบสวนให้พวกเราอ่าน
          จากการที่อ่านบันทึกข้อกล่าวหาทั้งหมด หากว่ากันตรงไปตรงมา มันไม่เข้าองค์ประกอบความผิดมาตรา 116 เลย ซึ่งตนจะสรุปให้ฟังว่า นายสุวิทย์ อ้างถึงกรณีนายธนาธรเคยอภิปรายเรื่องอภิวัฒน์สยาม 24 มิถุนายน 2475 พูดถึงประวัติศาสตร์การเมืองไทย 14 ตุลาคม 2516 และ 6 ตุลาคม 2519 เป็นผู้หนึ่งที่มีส่วนก่อตั้งวารสารฟ้าเดียวกัน อภิปรายงบประมาณรายจ่ายประจำปีต่างๆ รวมทั้งงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับสถานบันพระมหากษัตริย์ และไปปรากฎตัวในที่ชุมนุม ในกรณีของตนไปเอางานวิชาการสมัยตนเป็นอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ตีพิมพ์ในวารสารฟ้าเดียวกัน และหนังสือราชมัลลงทัณฑ์บัลลังก์ปฏิรูป และเอาความเห็นกรณีเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เพื่อไม่ให้เอาข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมไปอยู่บนท้องถนน การชุมนุมจะได้คลี่คลายเบาบางลง โดยอางว่ากรณีนี้ทำให้เยาวชน นิสิต นักศึกษาออกมาชุมนุม ส่วนกรณีของ น.ส.พรรณิการ์บอกว่าไปปรากฎตัวในการชุมนุมและไลฟ์สดเท่านั้น
         นายปิยบุตรกล่าวอีกว่า ข้อเท็จจริงทั้งหมดนี้นายสุวิทย์กล่าวหาว่าพวกเรากระทำผิดตาม ป.วิอาญา มาตรา 116 ยุยงปลุกปั่น ซึ่งตนคิดว่าพนักงานสอบสวนจะใช้ดุลยพินิจตามที่ได้เล่าเรียนมา และจะสั่งงดความเห็นตาม ป.วิอาญามาตรา 140 วรรค 3 เขียนเอาไว้ว่ากรณีความผิดที่มีโทษเกิน 3 ปี พนักงานสอบสวนอาจมีความเห็นแนบไปกับสำนวนให้อัยการว่าว่าของดการสอบสวนได้ แต่ปรากฎว่าพนักงานสอบสวนไม่ทำและสั่งฟ้องไปที่อัยการ ปัญหาคือพนักงานสอบสวนเรียนนิติศาสตร์มา หากตนเอาข้อเท็จจริงนี้ไปจำลองเหตุการณ์ออกเป็นข้อสอบในวิชากฎหมายอาญา ปี 2 วิชากฎหมาย ป.วิอาญา ปี 3 คณะนิติศาสตร์ แล้วเอาพนักงานสอบสวนย้อนไทม์แมชชีนไปนั่งทำข้อสอบ เขาจะตอบข้อสอบข้อสอบแน่นอนว่าไม่ผิดมาตรา 116 มันไม่เข้าองค์ประกอบความผิด
          การกระทำที่เกิดขึ้นไม่สัมพันธ์กับผล แต่พนักงานสอบสวนยังเดินหน้าสั่งห้องพวกเรา ทำตัวราวบุรุษไปรษณีย์ ที่นำไปรษณีย์จากนายสุวิทย์มาส่งให้อัยการ พนักงานสอบสวนมีดุลยพินิจ มีความเห็นได้ พนักงานสอบสวนไม่ได้เป็นหุ่นยนต์ ที่ตั้งโปรแกรมอะไรไว้แล้วต้องทำตาม
          ทั้งหมดที่ตนกล่าวมาก็ต้องพิจารณาไปถึงคนแบบนายสุวิทย์ที่เที่ยวแจ้งความคนอื่นเต็มไปหมด สุดท้ายเขาไม่ต้องมีความรับผิดชอบอะไรเลยใช่หรือไม่ ตกลงประเทศนี้เราจะปล่อยให้ประเทศมีนักร้องมืออาชีพ สังคมไทยจะเป็นสังคมแห่งการค้าความหรือไม่ แล้วคดีไปรกศาล แทนที่จะไปทำคดีสำคัญ ลัก วิ่ง ชิง ปล้น ต้องมาทำคดีที่พัวพันกับเรื่องการเมืองแบบนี้
         อย่างไรก็ตามวันนี้มาทำตามกฎหมาย เพื่อให้พนักงานสอบสวนนำตัวส่งอัยการตามขั้นตอนและคิดว่าอัยการจะให้ความเป็นธรรม เพราะที่ผ่านมาหลายครั้ง เรื่องของเราไปชั้นพนักงานอัยการก็มีความสั่งไม่ฟ้อง คิดว่ากระบวนการยุติธรรมประเทศไทยยังเชื่อมั่นได้อยู่
         ด้านนายอิทธิพร แก้วทิพย์ โฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด พร้อมนายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงาน อัยการสูงสุด ชี้แจงว่า เนื่องจากพนักงานสอบสวนเพิ่งนำสำนวนคำร้องส่งมาให้พิจารณาในวันนี้ พนักงานอัยการจึงยังไม่ได้พิจารณาข้อเท็จจริงสรุปได้ทันทีว่า สมควรมีความเห็นทางคดีนี้อย่างไร ประกอบกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงเห็นควรนัดฟังคำสั่งคดีนี้อีกครั้งในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ เวลา 10.00 น.
Advertisement