วันที่ 13 มีนาคม 64 พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. แถลงความพร้อมรับม็อบเดินทะลุฟ้าV2 ว่า เนื่องด้วยมีการประกาศจากกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม และกลุ่มเครือข่ายคนรุ่นใหม่นนทบุรี โพสเชิญชวนผ่านโซเชียลมีเดีย ให้มารวมตัวกันบริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 14.00 น. ก่อนเคลื่อนขบวนมายังทำเนียบรัฐบาล นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอาชีวะไล่เผด็จการ ประหาศรวมตัวกันบริเวณที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ และจะเคลื่อนมาที่ทำเนียบรัฐบาลเช่นกัน
ทาง บช.น. ขอแจ้งเตือนประชาชนที่จะมาร่วมชุมนุมในวัน-เวลาดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย เนื่องจากกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่ห้ามชุมนุมมั่วสุม อันเป็นความเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดเชื้อโรค การชักชวนให้มาร่วมชุมนุมด้วยวิธีการหนึ่งวิธีการใด ทั้งผู้ชักชวน และผู้มาร่วมชุมนุม ถือว่ามีความผิดตามมาตรา 9 แห่ง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน และ พ.ร.บ.ควบคุมโรค
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวอีกว่า บช.น. ได้แบ่งพื้นที่เป็น 3 ส่วน คือ 1. อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย มอบหมาย พล.ต.ต.เมธี รักพันธุ์ ผบก.น.6 รับผิดชอบ 2. อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ มอบ พ.ต.อ.บวรภพ สุนทรเลขา ผกก.สน.พญาไท รับผิดชอบ และ 3. พื้นที่โดยรอบทำเนียบ ถนนราชดำเนิน และเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ มอบหมาย พล.ต.ต.สหรัฐ ศักดิ์ศิลปชัย รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ปราศรัย จิตตสนธิ ผบก.น.1 และพล.ต.ต.มานพ สุคนธ์ธนพัฒน์ ผบก.อคฝ. รับผิดชอบ หากผู้ชุมนุมจะเข้า 3 จุด นี้ ตำรวจจะมีการตั้งจุดตรวจค้นสิ่งผิดกฎหมาย หากพบบุคคลต้องสงสัย หรือมีพฤติกรรมน่าสงสัย ตำรวจต้องตรวจค้นตามกฎหมาย
สำหรับการรวมตัวทุกจุด รวมทั้งการเคลื่อนขบวน ตำรวจจะแจ้งเตือนทุกระยะ และควบคุมให้อยู่ในเกณฑ์ที่จะไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนกับประชาชนคนอื่นๆ ส่วนกรณีที่ผู้ชุมนุมยืนยันจะพักค้างแรมที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า หากดูพฤติกรรม และการข่าวของผู้ชุมนุมมีความเสี่ยงเกิดอันตรายลุกลาม ตำรวจมีความจำเป็นต้องบังคับใช้กฎหมาย แม้วันนี้ทางผู้จัดบอกว่างดใช้ความรุนแรง แต่เป็นที่ทราบว่าทุกครั้งที่ผ่านมาก็จะมีการแจ้งว่ามีบางกลุ่มไม่เข้าร่วมชุมนุม แต่ตามข้อเท็จจริงก็เข้าร่วมทุกครั้ง และมักก่อเหตุการณ์ความเดือดร้อนทุกครั้ง
พล.ต.ต.ปิยะ กล่าวว่า การชุมนุมแต่ละครั้งที่ผ่านมา ผู้ชุมนุมมักก่อให้เกิดความวุ่นวาย ก่อความรุนแรง และความไม่เป็นระเบียบเรียบร้อยในบ้านเมือง อย่างไรก็ตามตำรวจมีมาตรการป้องกัน รักษาความสงบเรียบร้อยอยู่แล้ว
มีรายงานว่า บช.น. ได้เตรียมชุดควบคุมฝูงชน (คฝ.) ไว้รับสถานการณ์การชุมนุมทั้งสิ้น 31 กองร้อย, รถฉีดน้ำ 6 คัน, รถสำรองน้ำ 6 คัน, รถควบคุมผู้ต้องหาขนาดใหญ่ 6 คัน, รถติดตั้งเครื่องขยายเสียง พร้อมพลขับ 4 คัน, และรถพยาบาล 2 คัน
Advertisement