วันที่ 30 มีนาคม 64 นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แถลงเปิดใจหลังถอดกำไลอีเอ็มพร้อมพ้นโทษจากการจำคุกว่าการเข้าไปเรือนจำรอบนี้ถือเป็นครั้งที่ 3 ในช่วงตลอด 10 ปีของการต่อสู้ทางการเมือง ครั้งนี้เป็นแรกที่คดีของตนมีการตัดสินไปถึงชั้นศาลฎีกา ศาลได้มีคำสั่งให้ตนจำคุกทั้งหมด 2 ปี 8 เดือน ซึ่งตนก็ได้จำคุกไปแล้วก่อนหน้านี้เป็นเวลา 8 เดือนเศษ ประกอบกับตนได้รับการอภัยโทษ 2 ครั้ง ในเดือนกรกฎาคม และเดือนธันวาคมของปี พ.ศ.2563 ก็เข้าหลักเกณฑ์พักโทษเป็นกรณีพิเศษ ก็ได้ออกมาพร้อมกับติดกำไลอีเอ็มและอยู่ในความควบคุมของกรมควบคุมความประพฤติตั้งแต่วันที่ 18 ธันวาคม 2563 จนกระทั่งถึงเมื่อวานนี้
ตลอดเวลา 3 เดือนในการพักโทษ ตนปฎิบัติอย่างเคร่งครัด คือ การอยู่ในพื้นที่ที่แจ้งไว้ ถ้ามีเหตุที่ต้องออกนอกพื้นที่ ก็มีการขออนุญาตเป็นรายกรณี มีการรายงานตัวกับกรมควบคุมความประพฤติเดือนละ 1 ครั้ง และได้รับการอบรมธรรมกับพระคุณเจ้า วัดโตนด ย่านบางกรวยเดือนละ 1 ครั้งเช่นกัน ทั้งหมดเป็นไปตามระเบียบและหลักเกณฑ์ ไม่ได้มีข้อยกเว้นหรืออภิสิทธิ์อื่นใด ตนขอขอบคุณกรมราชทัณฑ์และกรมควบคุมความประพฤติด้วย
การต่อสู้ทางการเมืองของตนในอดีตยังเป็นคดีที่จะต้องมีการพิจารณาในชั้นศาลอีกหลายคดี ไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของปี พ.ศ. 2552 พ.ศ.2553 ซึ่งทำให้ตนถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10 ปี
ในฐานะประชาชน ขอประกาศว่ายังคงยืนยันจุดยืนเดิม ไม่รู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางนี้ แม้จะติดคุกมาแล้ว 3 ครั้ง ภัยอันตรายอะไรใดๆ ก็ไม่หวั่นไหว จุดยืนทางการเมืองที่ตนยืนยันมาก็จะต้องดำเนินต่อไป เพื่อให้อำนาจสูงสุดของประเทศเป็นของคนไทย ก็ยังยืนยันจุดยืนเดิมทางการเมือง จุดยืนเดิมของการต่อสู้ ไม่มีเจตนาทำร้ายบ้านเมือง ไม่มีเจตนาทำร้ายคนที่เห็นต่าง ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการให้ร้ายสถาบัน ขอแสดงตัวเคียงข้างกลุ่มนิสิตนักศึกษาที่กำลังเคลื่อนไหว ตนประกาศในที่นี้ไม่ใช่ตนจะไปร่วมกระบวนการของพวกน้องๆ แต่ตนยอมรับการกระทำของน้องๆ จากใจจริง
Advertisement