ญาติคาใจอาไปรักษาโควิดที่ hospitel 14 วัน หมอให้อยู่ 10 วัน ปล่อยกลับมา เสียชีวิตหน้าปากซอยบ้าน

        วันที่ 8 พฤษภาคม 64 หลานของผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 หลังจากไปรักษาตัวอยู่ที่ hospitel แห่งหนึ่งไม่ถึง 14 วัน แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว แต่กลับมาเสียชีวิตบริเวณปากซอยทางเข้าบ้าน เผยว่าพวกตนคาใจกับการเสียชีวิตของอามาก เพราะครั้งแรกที่ตนรู้ว่าคุณอาป่วยก็โทรไปถามอาการทราบว่ามีอาการไอและท้องเสียเท่านั้น
          โดยตอนที่มารักษาตัวอยู่ที่ hospitel แพทย์ได้เอ็กซเรย์แล้วพบว่าอาการไม่น่าเป็นห่วง ครอบครัวก็โทรถามอาการตลอด กระทั่งก่อนที่จะออกจาก hospitel คุณอาโทรมาบอกครอบครัวว่าจะได้กลับบ้านแล้ว ตอนนั้นก็ดีใจกันมากแต่ตนก็สงสัยว่าทำไมถึงให้กลับบ้านโดยที่รักษาตัวอยู่เพียงแค่ 10 วันเท่านั้น ไม่ถึง 14 วันตามมาตรฐาน จึงอยากจะขอคุยกับคุณหมอแต่ว่าคุณอาไม่ได้โทร.มาหา มาทราบอีกทีคือได้รับข่าวร้ายแล้ว
          โดยในช่วงประมาณตี 5 ครึ่งวานนี้เพื่อนบ้านวิ่งมาเคาะบ้านตนแล้วบอกว่า คุณอาฟุบอยู่หน้าปากซอย ครอบครัวจึงรีบวิ่งไปดู พบว่าคุณอาเสียแล้ว ตอนนี้ครอบครัวสงสัยและคาใจว่าคุณอาเสียชีวิตจากสาเหตุอะไร เพราะก่อนหน้านี้อาไม่ได้มีอาการน่าเป็นห่วงเลย ตอนรักษาตัวนั้นปอดก็ไม่มีปัญหาอะไร น้ำเสียงที่คุยกับตนก็เหมือนทั่วไป ไม่ได้มีอาการแย่ จนกระทั่งคุณหมอก็ให้กลับบ้านมา พร้อมกับมีใบยืนยันว่ารักษาครบ 14 วันแล้ว ทั้ง ๆ ที่มันยังไม่ถึง ตนจึงอยากจะได้รับคำชี้แจงจากทีมแพทย์ว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะว่าตั้งแต่เกิดเรื่องทีมแพทย์โทรมาหาครอบครัวบอกว่าจะเอาผลเอกซเรย์ของคุณอามาให้ดูแต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ติดต่อมา
         เราหวังว่าคุณอาไปรักษาตัวแล้วจะกลับบ้านมาหาครอบครัว แต่เหตุการณ์ดังกล่าว มันรวดเร็วมากและไม่มีคำอธิบายใดใดให้กับครอบครัวเลย กระทั่งตอนนี้ครอบครัวได้ทำพิธีฌาปนกิจศพคุณอาแล้ว เราก็ยังหวังว่าจะได้รับรู้สาเหตุว่ามันเกิดจากอะไร เราอยากให้กรณีดังกล่าวเป็นกรณีศึกษาในการรักษาผู้ป่วยเคสอื่น ๆ ต่อไป
        ด้าน พ.ต.อ.ทศพล อำไพพิพัฒน์กุล ผกก.สำราญราษฎร์ เปิดเผยว่า ทางพนักงานสอบสวน สน. ได้รับแจ้งเหตุพบศพชายผู้เสียชีวิตดังกล่าวแล้ว โดยมีการลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ส่วนศพผู้เสียชีวิตทางเจ้าหน้าที่ได้นำส่งชันสูตรที่โรงพยาบาลตำรวจเพื่อหาสาเหตุการตายที่แน่ชัด ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผล ส่วนกรณีญาติติดใจสาเหตุนั้น เบื้องต้นตนได้ให้ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบว่าทาง รพ.สนาม ที่ผู้เสียชีวิตไปกักตัวได้ดำเนินการตามระเบียบขั้นตอนถูกต้องหรือไม่
Advertisement