(ระยอง)- วันที่ 26 กันยายน 2563 นายภูมิพัฒน์ บุญประกอบ วัย 55 ปี เผยว่าบ้านของตน ที่ถนนราษฎร์บำรุง ต.เนินพระ อ.เมืองระยอง เพิ่งถูกหญิงสาวโกงเอาโฉนดที่ดินไปเปลี่ยนเป็นชื่อของตัวเอง จนตอนนี้เกรงว่าหลังจากนี้อาจจะไม่มีที่อยู่อาศัย โดยเหตุการณ์ทั้งหมดเกิดเมื่อช่วงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ตัวเองเตรียมเปิดบริษัทรับเหมาก่อสร้าง ตั้งใจให้เป็นธุรกิจมรดกให้กับครอบครัว จึงคิดจะนำที่ดินพร้อมบ้าน 1 หลัง ในพื้นที่ 46 ตารางวา มูลค่ารวมประมาณ 1 ล้านบาท ไปจำนองธนาคาร เเลกกับเงิน 3 แสนบาท แต่หญิงคนดังกล่าวซึ่งเปิดสำนักงานบัญชีและรู้จักกันครั้งสมัยเป็นลูกค้ามาเช่ายืมรถตน ได้แนะนำให้นำโฉนดที่ดินดังกล่าวมาค้ำประกันยืมเงินผู้เป็นป้าของหญิงสาวเเทน ตนเห็นเป็นคนกันเองจึงเซ็นชื่อในใบมอบอำนาจตั้งใจให้นำไปค้ำประกัน เเต่ยอมรับว่าประมาทที่ไม่ได้เขียนกำกับรายละเอียดว่ามอบให้ทำอะไร จึงเป็นเพียงการเซ็นชื่อเฉยๆ แต่ตัวเองทำเป็นเอกสารอีกฉบับระบุลงวันที่ 12 พฤษภาคม เพื่อกู้ยืมเงิน 3 เเสนบาท จะผ่อนชำระเป็นเวลา 1 ปี ก่อนเเยกย้าย
กระทั่งวันที่ 14 พฤษภาคม หญิงสาวได้โอนเงินมาให้จำนวน 1 เเสนบาท เหลืออีก 2 เเสนบาท พอวันที่ 16 -17 พฤษภาคม มีเพื่อนมาถามว่านำโฉนดดินบ้านที่อยู่อาศัยไปขาย-ฝากกับนายหน้าเหรอ ตนจึงยืนยันว่าไม่ใช่ เนื่องจากบ้านหลังนี้เป็นสมบัติชิ้นสุดท้าย เพิ่งจะไถ่คืนจากธนาคารเมื่อปลายปีที่แล้ว ขณะนี้นำไปค้ำประกันเพื่อกู้ยืมเงินมาสร้างบริษัทเท่านั้น จึงพยายามทวงถามเงินอีก 2 เเสนที่ต้องการกู้ยืมกับหญิงสาว แต่เจ้าตัวพยายามบ่ายเบี่ยง
จนวันที่ 20 พฤษภาคม ตนจึงไปที่กรมที่ดิน สอบถามจนทราบว่าวันที่14 พฤษภาคม ฝ่ายหญิงได้ไปที่กรมที่ดิน นำเอกสารที่ตัวเองเซ็นชื่อกำกับไปอ้างว่าตนขายบ้านพร้อมที่ดินให้จำนวน 5 แสนบาท และยังจ้างชายจำนวน 4,000 บาท ให้ปลอมเป็นตน พูดคุยกับเจ้าหน้าที่ยืนยันว่ามีการขายที่ดินเเปลงนี้จริง จนโอนชื่อจากตนเป็นของผู้หญิง และบ้านพร้อมที่ดินนี้ถูกนำไปขายฝากกับนายหน้าในวันเดียวกัน ซึ่งก็เป็นวันเดียวกับที่ตนได้เงินที่หญิงสาวบอกว่าผู้เป็นป้าให้กู้ยืมจำนวน 1 เเสนบาท
เมื่อรู้ว่าถูกหลอกตนจึงเเสดงหลักฐานแล้วขออายัดที่ดินนั้นไว้ ก่อนเข้าเเจ้งความที่ สภ.ระยอง และร้องตามศูนย์ดำรงธรรม จนสุดท้ายต้องลาออกจากงานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในการทำงานวิชาชีพของบริษัทเเละนำเงินที่ลาออกมาใช้วิ่งเต้นคดีด้วยการเดินทางไปกรุงเทพหาทนาย เเละร้องเรียนตามหน่วยงานต่างๆ จนแทบหมดตัว ทุกวันนี้ไม่มีเเรงทำอะไรเลย แต่ต้องลุกขึ้นมาเป็นผู้รวบรวมผู้เสียหายทั้งหมด ที่ตอนนี้พบว่ามีกว่า 10 ราย มูลค่าความเสียหายเกือบ 20 ล้านบาท มีการกระจายแจ้งความกันไปตามแต่ท้องที่เกิดเหตุ ขณะเดียวกันระหว่างรอตำรวจพยานหลักฐานออกหมายจับในข้อหาฉ้อโกง เเละปลอมเเปลงเอกสาร ตัวเองก็ได้ไปฟ้องศาลแพ่ง เอาผิดเเละเรียกค่าเสียหาย โดยให้ฝ่ายหญิงเป็นจำเลยที่ 1 และนายหน้าที่รับขายฝากที่ดินเป็นจำเลยที่ 2 แต่กลับเห็นว่าการนัดไกล่เกลี่ยกันที่ศาล ผู้หญิงกลับไม่เคยมาศาลเลย และยังใช้ชีวิตสุขสบายเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ขณะที่ตนเครียด กินข้าวไม่ได้ นอนไม่หลับ
วอนตำรวจช่วยเร่งออกหมายจับ เอาตัวมาดำเนินคดี เพราะหญิงคนนี้อ้างว่ารู้จักคนใหญ่คนโตในพื้นที่ เกรงคดีจะไม่คืบ การออกมาร้องครั้งนี้เพื่อต้องการให้หญิงคนดังกล่าวออกมาเเสดงความรับผิดชอบ เเละหยุดพฤติกรรม มิหนำซ้ำทนายยังจะให้ตนจ่ายเงินให้กับนายหน้าที่รับขาย-ฝาก ที่เป็นจำเลยที่ 2 เป็นจำนวนกว่า 5 เเสนบาท แล้วบอกว่าให้ไปฟ้องร้องเอาจากหญิงสาวอีกต่อ ซึ่งส่วนตัวมองว่าไม่เป็นธรรม เพราะตัวเองคือผู้เสียหายที่ถูกหลอกเอาที่ดินไป
Advertisement