กำชับ ตร.ทุกหน่วยเตรียมรับมือมาตรผ่อนคลาย 5 กิจการ สั่งตรวจเข้มแหล่งมั่วสุมเสี่ยงแพร่โควิด-19

 

          เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 64 พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงกรณีที่ รัฐบาล และศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จะมีการอนุมัติผ่อนคลาย 5 กิจการ/สถานที่ ในพื้นที่ กทม. โดยเริ่มตั้งแต่ 14 มิถุนายนเป็นต้นไป และอยู่ระหว่างการพิจารณาในพื้นที่จังหวัดอื่นอีก ว่า ตามนโยบายรัฐบาลและศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) จะมีการอนุมัติผ่อนคลาย 5 กิจการสถานที่ อาทิ พิพิธภัณฑ์ โบราณสถานต่างๆ สวนสาธารณะ สวนพฤกษศาสตร์ต่างๆ คลินิกเสริมความงาม สถานประกอบการนวดเพื่อสุขภาพ (อนุญาตเฉพาะนวดฝ่าเท้า) ร้านทำเล็บและร้านสัก ในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร และอยู่ระหว่างพิจารณาพื้นที่จังหวัดอื่นอีกอยู่นั้น โดยตำรวจได้เตรียมรับมือมาตรการผ่อนคลายและได้กำชับสั่งการหน่วยงานในสังกัดที่เกี่ยวข้อง
          ทั้งนี้จะมีการประสานงานกับหน่วยร่วมปฏิบัติในพื้นที่ จัดชุดปฏิบัติการออกตรวจสอบสถานประกอบการ แหล่งมั่วสุม หรือสถานที่มีประชาชนแออัดจำนวนมาก ตามกลุ่มพื้นที่จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม ตามที่ ศบค. ได้กำหนด พร้อมให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการและประชาชนในมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของ covid-19 ปฏิบัติตามมาตราการทางสาธารณสุข พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ และประกาศคำสั่งของจังหวัดในพื้นที่ต่างๆ
         ทั้งนี้ตำรวจจะมีการออกตรวจสอบสถานประกอบการแหล่งมั่วสุมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของเชื้อ covid-19 ตามกลุ่มพื้นที่จังหวัดควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุมสูงสุด พื้นที่ควบคุม ตามที่ ศบค.ได้กำหนด ซึ่งยังคงให้ปิดสถานบริการและสถานบันเทิง งดจำหน่ายและดื่มสุราในร้านอาหาร รวมทั้งการฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ ตามคำสั่ง ประกาศของจังหวัดในพื้นที่ต่างๆ โดยที่ผ่านมาสำนักงานตำรวจแห่งชาติพร้อมหน่วยร่วมปฏิบัติมีการจับกุมดำเนินคดีไปแล้วจำนวนหลายรายในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ
         โดยตำรวจทุกพื้นที่จะต้องประสานงานกับหน่วยร่วมปฏิบัติออกตรวจสอบสถานประกอบการ สถานบันเทิงร้านอาหาร แหล่งมั่วสุมที่สุ่มเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อไวรัส และคงมาตรการเข้มในการป้องกันการลักลอบหลบหนีเข้าเมืองตามช่องทางธรรมชาติ สกัดกั้นการลักลอบเข้ามาพื้นที่ชั้นใน ทำการจับกุมพร้อมขยายผลถึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้องและดำเนินคดีให้ถึงที่สุด หากมีการปล่อยปละละเลยทำให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ก็จะพิจารณาความบกพร่องทางวินัยและอาญาอย่างเด็ดขาดต่อไป พร้อมกันนี้ประชาชนหรือผู้พบเห็นเบาะแส สามารถแจ้งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง มายังหมายเลขสายด่วน 191 หรือ 1599 ตลอด 24 ชม.
Advertisement