เมื่อวันที่ 1 ก.ย. ที่ กองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป., สั่งการ พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ต.หญิง กัญจิรา นรสาร ปฏิบัติราชการ สว.กก.2 บก.ป., นำกำลังจับกุม นางสาวรัตนาภรณ์ วิเศษสิงห์ อายุ 38 ปี ชาว จ.นนทบุรี ตามหมายจับศาลอาญามีนบุรี ที่จ.281/2565 ลงวันที่ 22 มี.ค.65 ข้อหา“ ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอม,ปลอมและใช้บัตรประจำตัวประชาชนปลอม ” หมายจับศาลจังหวัดศรีสะเกษ ที่ 196/2565 ลง 25 ก.ค.2565 ข้อหา “ร่วมกันยักยอกทรัพย์” และ หมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ จ.478 /2565 ลงวันที่2 ส.ค. 2565 ข้อหา “ร่วมกันในข้อหาลักทรัพย์ในเวลากลางคืน” ได้ที่ บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อแห่งหนึ่งริมถนนป็อปปูล่า 3 ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี
สืบเนื่องจากได้มีกลุ่มผู้เสียหายหลายรายจากพื้นที่ต่างๆทั่วประเทศ ร้องเรียนผ่านเพจกองปราบ ว่า ได้นำรถยนต์ไปจำนำกับ น.ส.รัตนาภรณ์ ผู้ต้องหารายนี้ และพวก ซึ่งเป็นนายหน้ารับจำนำรถ ในอัตตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 ต่อเดือน พร้อมค่าจอดรถ 2,000 บาท แต่เมื่อนำเงินไปไถ่ถอนกลับไม่สามารถรับรถกลับคืนได้ นอกจากนี้ยังมีผู้เสียหายบางรายนำรถไปขายดาวน์ต่อให้กับน.ส.รัตนาภรณ์ แต่เมื่อส่งมอบรถให้ไปแล้ว กลับไม่ยอมทำการเปลี่ยนสัญญารวมถึงจ่ายค่างวดรถจนทำให้เจ้าของรถถูกบริษัทไฟแนนท์ฟ้องร้องได้รับความเดือดร้อน
หลังรับเรื่องจึงจัดกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบก่อนพบว่ามีการกระทำผิดจริง รวมถึงทำกันเป็นขบวนการเชื่อมโยงกับกลุ่ม แก๊ง เครือข่ายโจรกรรมรถยนต์ และรถจักรยานยนต์ที่เคยจับกุมมาก่อนหน้านี้ โดยตัว น.ส.รัตนาภรณ์ จะทำหน้าที่เป็นนายหน้าคนกลางรับจำนำรถจากทั่วประเทศ หรือ หลอกซื้อดาวน์รถ แล้วนำไปขายต่อให้กับนายทุนรถเถื่อน 4 เครือข่าย อาทิ เครือข่าย“ฟลุ๊ก ขอนแก่น” เครือข่าย “ตั้ม นนทบุรี” เครือข่าย“นักรบกรุงเก่า ต้น อยุธยา” และ เครือข่าย “ป๊อป กาญจนบุรี” ที่ผ่านมามีผู้ตกเป็นเหยื่อจำนวนมาก รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 10 ล้านบาท ทั้งนี้เมื่อตรวจสอบประวัติ น.ส.รัตนาภรณ์ พบว่ามีหมายจับติดตัว 3 หมายจับ เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงเร่งแกะรอยสืบหาเบาะแสที่กบดานก่อนพบว่าปัจจุบันได้หนีมาหลบซ่อนตัวอยู่ในพื้นที่ จ.นนทบุรี จึงนำกำลังตามจับกุมได้ดังกล่าว
สอบสวน น.ส.รัตนาภรณ์ ให้การรับสารภาพว่าอยู่ร่วมในขบวนการดังกล่าวจริง แต่ตนเองเป็นเพียงแค่นายหน้าเท่านั้นไม่เคยพบหน้านายทุน ส่วนใหญ่จะติดต่อกันผ่านทางเฟสบุ๊ก อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อ อีกทั้งจากการตรวจสอบขณะนี้พบว่ามีผู้ตกเป็นเหยื่อไม่ต่ำกว่า 30 ราย มีรถยนต์ที่ถูกหลอกไปประมาณ 50 คัน ขณะนี้อยู่ระหว่างการขยายผลเอาผิดผู้ร่วมขบวนการรายอื่นๆ ส่วนตัว น.ส.รัตนาภรณ์ เบื้องต้นนำตัวส่ง สน.โคกคราม ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
Advertisement